วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อุทยานแห่งชาติสันกาลาคีรี

อุทยาน แห่งชาติสันกาลาคีรี มีอาณาเขตอยู่ในท้องที่ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาโต๊ะเทพ ป่าควนหินลับ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาแตน ป่าควนเจดีย์ ป่าเขาพระยาไม้ ป่าควนกำแพง ป่าสงวนแหงชาติป่าควนราสอ ป่าควนน้ำร้อน ป่าควนสอหรอ ป่าควนบางพลา และป่าโต๊ะเทพ มีพื้นที่รวม 133,887 ไร่ หรือประมาณ 214 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิดที่น่าสนใจ ประกอบกับมีจุดเด่นของธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตก ถ้ำ ป่าต้นน้ำเทพา และป่าพรุ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพ ภูมิประเทศโดยทั่วไปลักษณะของอุทยานแห่งชาติสันกาลาคีรีเป็นภูเขาสลับซับ ซ้อนซึ่งเป็นแนวเขตพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียและเป็นพื้นที่ ต้นน้ำลำธารที่ก่อกำเนิดลุ่มแม่น้ำเทพา
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ แบ่งฤดูออกเป็น 2 ฤดู คือ ฤดูฝน และ ฤดูร้อน
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพ ผืนป่าเป็นป่าดิบชื้น เพราะ มีเรือนยอดของไม้ปกคลุม ซึ่งมีไม้สำคัญ ๆ ทางเศรษฐกิจอยู่มากมาย ได้แก่ ไม้ตะเคียน ไม้สยา ไม้กระยาเลย และไม้หลุมพอ อีกมากมาย
ประเภทของสัตว์ป่าโดยทั่วไป สัตว์ป่าส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดกลางและขนาดเล็ก สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน นก แมลง และสัตว์ป่าที่มีค่าหายากต่าง ๆ เช่น กระทิง หรือเมย เลียงผาหรือโครำ ช้างแคระหรือช้างหัวแดง ไก่จุก นกเงือกกรามช้าง นกเงือกเล็กหรือนกแก็ก นกเงือกหัวแรด นกเงือกใหญ่หรือนกกก หรือนกกาฮัง เป็นต้น
บ่อน้ำร้อน

แหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสะบ้าย้อย

ถ้ำตลอด
เป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีช่องทะลุไปอีกด้านหนึ่ง มีหินงอกหินย้อยสวยงาม มีพระพุทธรูปปางไสยยาสน์ขนาดใหญ่ 1 องค์ ขนาดกลาง 1 องค์ และพระพุทธรูปปางสมาธิมากมาย อยู่ห่างจากตัวอำเภอ 21 กิโลเมตร เส้นทางสะดวก
 

บ่อน้ำร้อน
เป็นบ่อน้ำร้อน จำนวน 3 บ่อ อุณหภูมิลดหลั่นกันไป อยู่ในพื้นที่จำนวน 2 ไร่ มีพืชจำพวกเฟิร์นหลายชนิด มีประชาชนจากหลายท้องที่ไปอาบน้ำร้อนกันมาก เชื่อว่าเป็นการรักษาโรคหลายชนิด อยู่ห่างจากถ้ำตลอดประมาณ 2.5 กิโลเมตร เส้นทางสะดวก


ถ้ำครก
เป็นถ้ำซึ่งมีพระพุทธรูปโบราณอยู่หลายองค์เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ถ้ำน้ำใส
เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยว


 
ถ้ำรูนกสัก
เป็นถ้ำที่มีช่องทางคนเดินทะลุไปอีกด้านหนึ่ง ระยะทาง 250 ม. มีสภาพสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยว


อำเภอสะบ้าย้อย

ประวัติความเป็นมา
ปรากฏตามเอกสารทางราชการว่า เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ (ร.ศ.๑๑๖) เนื้อที่ของอำเภอสะบ้าย้อยทั้งหมดขึ้นกับอำเภอเทพา ซึ่งขณะนั้นก็มีการแบ่งการปกครองตามพระราชบัญญัติ ลักษณะการปกดรองท้องที่ พ.ศ.๒๔๔๐ ออกเป็น ๕ ตำบล คือ
  1. ตำบลโมง คือ ตำบลสะบ้าย้อยปัจจุบันนี้และมีอาณาเขตการปกครองคลุมถึงตำบลทุ่งพออีกด้วย
  2. ตำบลเปียน มีการปกครองคลุมถึงตำบลบ้านโหนด
  3. ตำบลเขาแดง มีเขตการปกครองคลุมถึงตำบลคูหา
  4. ตำบลจะแหน
  5. ตำบลบาโหย
พ.ศ.๒๔๖๗ ได้แบ่งการปกครองอำเภอเทพาส่วนที่เป็นอำเภอสะบ้าย้อยเดี๋ยวนี้ ตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เรียกว่า "กิ่งอำเภอบาโหย" สถานที่ทำการของอำเภอเทพาโดยมีรองอำมาตย์ตรี คง ถาวรสุวรรณ เป็นปลัดอำเภอประจำกิ่งอำเภอบาโหยเป็นคนแรกการตรวจท้องที่ของปลัดอำเภอผู้ เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอทำไม่ได้ทั่วถึง เพราะเขตการปกครองกว้างขวางมาก การคมนาคมไม่สะดวก ขาดยานพาหนะในการเดินทาง จึงให้ทำการก่อสร้างอาคารที่ทำการกิ่งอำเภอชั่วคราวขึ้นที่บ้านสะบ้าย้อย หมู่ที่ ๑ ตำบลโมง (ตำบลสะบ้าย้อยในปัจจุบัน) เขตการปกครองท้องถิ่นที่แน่นอนขณะนั้นมี ๕ ตำบล ดังกล่าวข้างต้น และเปลี่ยนชื่อจากอำเภอบาโหยเป็นกิ่งอำเภอสะบ้าย้อย
พ.ศ.๒๔๘๖ ทางราชการได้แบ่งแยกตำบลซึ่งเดิมมี ๕ ตำบล เป็น ๘ ตำบล ตำบลโมงเป็นตำบลทุ่งพอ และเปลี่ยนชื่อตำบลโมงเป็นตำบลสะบ้าย้อย แบ่งตำบลเขาแดงออกเป็นตำบลคูหาและตำบลเปียนเป็นตำบลบ้านโหนดปัจจุบัน
คำว่า "สะบ้าย้อย" เข้าใจว่าตั้งตามเชื่อต้นสะบ้า ซึ่งเป็นเถาวัลย์ชนิดหนึ่ง มีลูกเป็นฝักคล้ายสตอ เมื่อเปลือกนอกสุกข้างในมีเมล็ดหุ้มด้วยเปลือกหนาแข็งมาก ประชาชนนำเมล็ดนี้ไปเล่นการพนันกันเรียกว่า "เล่นสะบ้า" เถาวัลย์นี้มีมากในบึงแม่สะบ้าย้อย ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของที่ว่าการอำเภอสะบ้าย้อยบึงนี้กว้าง ยาว และลึกมาก มีน้ำขังตลอดทั้งปีมีต้นใหญ่ๆ ปกคลุมเถาวัลย์ สะบ้านี้ขึ้นจากฝั่งหนึ่งเลื้อยไปอีกฝั่งหนึ่ง บางเถาอ่อนย้อยเกือบถึงพื้นน้ำราษฎรจึงให้ชื่อว่า "แม่สะบ้าย้อย" และเป็นชื่ออำเภอจนมาถึงทุกวันนี้
ที่ตั้ง
อำเภอสะบ้าย้อยตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของจังหวัดสงขลา ห่างจากศาลากลางจังหวัดสงขลาประมาณ ๑๐๕ กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ระยะทางรถไฟ ๑๑๒๕ กิโลเมตร มีอาณาเขตโดยรอบดังนี้
  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา และอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา และประเทศมาเลเซีย
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพลักษณะภูมิประเทศส่วนมากเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ที่ราบระหว่างหุบเป็นบริเวณแคบๆ สลับด้วยแม่น้ำสายสั้นๆ เช่น แม่น้ำเทพา ซึ่งต้นกำเนิดจากแม่น้ำสายนี้อยู่ในเขตอำเภอสะบ้าย้อย โดยเกิดจากเทือกเขาที่กั้นระหว่างไทยกับมาเลเซีย สภาพลักษณะเป็นเนินเขาจะใช้เป็นที่ประกอบอาชีพในการเกษตรทำสวนกาแฟ สวนยาง สวนผลไม้ ต่างๆ
ลักษณะภูมิอากาศ
ระหว่างปลายเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ได้รับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือทำให้ในเขตอำเภอสะบ้าย้อยฝนตกชุก และถือว่าเป็นฤดูฝนและบางปีจะได้รับภัยธรรมชาติจากพายุ ทำให้ฝนตกน้ำท่วม
นอกจากนี้พายุโซนร้อนพัดผ่านระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กลางเดือนมกราคม ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม จัดว่าเป็นฤดูร้อนเหมือนภาคอื่นของประเทศ
ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมมีอยู่ ๒ อย่าง คือ ไทยพุทธ และไทยอิสลาม
  • ไทยอิสลาม : นิยมเล่นลิเกฮูลู มะโหยง สิละ ส่วนทางศาสนา มีพิธีถือบวช
  • ไทยพุทธ : ทางศาสนาทำบุญวันสารทเดือนสิบ การชักพระ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า การละเล่นพื้นเมืองการแสดงมโนราห์ แสดงหนังตะลุง กีฬาพื้นเมือง ชนโค ชนไก่
โบราณสถานและโบราณวัตถุ
โบราณสถานและโบราณวัตถุของอำเภอสะบ้าย้อยที่สำคัญมีพระพุทธรูปหลายองค์ ด้วยกันที่ประดิษฐานอยู่ตามถ้ำ ตามวัดที่เก่าแก่ ของอำเภอ และเจดีย์ยอดเขา ควนเจดีย์ ตำบลคูหา โบราณวัตถุที่สำคัญมีดังนี้
  • พระพุทธรูปไสยาสน์ ๒ องค์ ประดิษฐานอยู่ในถ้ำตลอด ตำบลเขาแดง
  • พระพุทธรูปที่สำคัญของวัดคูหา เจดีย์เป็นโบราณสถานของชาวคูหาซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาควนเจดีย์ ผู้คนอยู่ในอำเภอคูหาและตำบลใกล้เคียงไปนมัสการ ในเดือนเมษายนของทุกๆ ปี มีการสรงน้ำพระบริเวณใกล้เคียงกับเจดีย์มีถ้ำเก ซึ่งภายในมีความสวยงามมากประชาชนจะไปเที่ยวชมประจำ ถ้ำเกิง เป็นถ้ำที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หลายองค์ด้วยกัน และอีกถ้ำหนึ่งคือ ถ้ำครก เป็นถ้ำที่มีพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ของอำเภอ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานที่วัดเกาะอภินิหาร นอกจากนี้มีโบราณวัตถุสร้างมานานเป็นเวลาร้อยปี พระพุทธรูปที่ประดิษฐานตามถ้ำต่างๆ ของอำเภอนั้นมีเรื่องเล่ากันว่า ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัยมีการสร้างพระธาตุที่นครศรีธรรมราช และมีการบรรจุพระธาตุ ประชาชนในอำเภอสะบ้าย้อยก็จะนำพระพุทธรูปเหล่านี้ไปไว้ในพระธาตุนครศรี ธรรมราช แต่เมื่อรู้ข่าวว่าเขาปิด พระธาตุที่นครเสียแล้ว ประชาชนก็เลยนำพระพุทธรูปเหล่านั้น ไปประดิษฐานตามวัดหรือตามถ้ำต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว
สถานที่ท่องเที่ยว
  • ถ้ำตลอด : ในเขตอำเภอสะบ้าย้อย เดินทางจากจังหวัดสงขลาไปประมาณ ๑๐๕ กิโลเมตร จะไปพบกับดินแดนที่มีความสวยงามตามธรรมชาติหลายแห่งด้วยกันของอำเภอ โดยเฉพาะถ้ำต่างๆ ของอำเภอซึ่งอยู่ห่างไกลจากอำเภอไม่มากนัก ถ้ำที่สวยงามพิสดาร มีหินงอกหินย้อย ไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นๆ ของจังหวัด จะพบกับถ้ำตลอด ซึ่งอยู่จากอำเภอประมาณ ๒๒ กิโลเมตร เป็นถนนซึ่งติดต่อกับประเทศมาเลเซียอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งห่างจากอำเภอสะบ้าย้อยประมาณ ๕๐ กิโลเมตร เป็นถ้ำที่มีบริเวณกว้างขวางมาก มีความสวยงาม น่าทัศนศึกษาเป็นอย่างมาก ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๒ องค์ มีก้อนหิน ทราย กรวด ที่สวยงามตามธรรมชาติ ภายในจังหวัดของเราจะหาดูได้ยากมากทีเดียว
  • ถ้ำครก : ถ้ำครกไปทางเดียวกันกับถ้ำตลอดก่อนที่จะไปถึงก็จะพบกับถ้ำต่างๆ มากมาย เช่น ถ้ำเพิง ที่สูงตระหง่านจากพื้นดินพอสมควร และเป็นถ้ำที่สวยงามอีกถ้ำหนึ่งด้วย นั่นคือถ้ำครกในบริเวณถ้ำที่สวยงามอีกถ้ำหนึ่งด้วย นั่นคือถ้ำครกในบริเวณถ้ำครกจะพบกับสิ่งธรรมชาติหลายอย่างด้วยกัน จะเจอกับค้างคาวเที่ยวบินอยู่ภายในถ้ำ และมีจำนวนมากที่เกาะอยู่ตามผนังถ้ำ ประชาชนในเขต ๒ ตำบล จะประกอบอาชีพเก็บมูลค้างคาวขาย ถ้ำครก ซึ่งอยู่ในเขตตำบลคูหา ห่างจากอำเภอสะบ้าย้อย ๑๓ กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งด้วย
  • น้ำตกไม้ไผ่ : น้ำตกไม้ไผ่ อยู่ห่างจากอำเภอไปประมาณ ๑๕ กิโลเมตร ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามไม่แพ้น้ำตกแห่งอื่นของจังหวัดสงขลา แต่ทางราชการยังไม่มีการปรับปรุง ถ้าหากมีการปรับปรุงคงจะเป็นวนอุทยานได้อีกแห่งหนึ่ง ของจังหวัดสงขลาก็ว่าได้ เพราะมีป่าไม้ที่สวยงาม มีสัตว์ป่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เราจะไปเที่ยวน้ำตกนี้ได้ถึง ๒ ทางด้วยกัน คือ ทางอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และทางอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ระยะทางประมาณ ๑๐ กิโลเมตร แต่ไม่สะดวกนักในการเดินทาง

เลือกประธานนักเรียนโรงเรียนบ้านฉลุง

โรงเรียน ได้มีการดำเนินการจัดการเลือกตั้งประธานนักเรียนโรงเรียนบ้านฉลุง โดยมีนักเรียนที่อาสาเข้ามาร่วมชิงชัยมีด้วยกัน 2 ทีม โดยผมได้เข้าไปดูแลการดำเนินการเลือกตั้งตลอดจนการนับคะแนน ซึ่งนักเรียนได้ให้ความร่วมมือกันทุกคนในการมาเลือกตั้งประธานนักเรียน โดยนักเรียนที่ทำหน้าที่หลักในการเลือกตั้งนี้คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ส่งเริมการอ่าน

โรงเรียนได้ส่งเสริมการอ่านหนังสือเสริมการเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รักการอ่านหนังสือกันทุกคน โดยทางโรงเรียนได้หาหนังสือเสริมการอ่านหลายเรื่องมาให้นักเรียนได้อ่านกันในช่วงตอนเที่ยงและตอนเย็นก่อนกลับบ้าน ซึ่งนักเรียนทุกคนชอบอ่านหนังสือที่ครูหามาให้อ่านกันทุกคน

กิจกรรมทัศนศึกษาสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์

 
โรงเรียนบ้านฉลุงได้จัดกิจกรรม ทัศนศึกษาสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์ ในวันพุธที่ 18 สิงหาคม 2553 ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้  
1. เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากแหล่งเรียนรู้จริงโดยทำให้เกิดการคิดเป็นทำเป็นและแก้ปัญหาเป็น  
2.  เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้จากสถานประกอบการณ์ สถาบัน และหน่วยงานที่ส่งเสริมความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3. เพื่อให้นักเรียนมีโลกทัศน์ วิสัยทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ที่กว้างไกลและมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เด็กผู้ด้อยโอกาสมีประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริง

กิจกรรมวันแม่


          โรงเรียน บ้านฉลุงจึงได้จัดกิจกรรมวันแม่ขึ้น ในวันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2553 ณ บริเวณใต้อาคารสำนักงานของโรงเรียนบ้านฉลุง โดยมีกิจกรรมหลายกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองของนักเรียนและนักเรียนได้ ร่วมแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีในเพระคุณของแม่ มีการคัดลายมือ เขียนเรียงความวันแม่ของนักเรียนช่วงชั้นที่ 1 และช่วงชั้นที่ 2 และการระบายสีรู